รู้จักกับ การเดินไฟในบ้าน
การเดินไฟในบ้าน เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ผู้ที่จะสร้างบ้านใหม่ต้องวางแผนตั้งแต่การเริ่มสร้างบ้านใหม่ เพราะจะเกี่ยวข้องกับการติดตั้ง ความสวยงาม ความยากง่ายในการติดตั้ง และยังส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอีกด้วย
โดยที่การเดินสายไฟภายในบ้านก็จะแยกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นคือ เดินสายไฟแบบฝังผนัง และการเดินสายไฟแบบเดินลอย ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป
1. การเดินสายไฟแบบฝังผนัง
เป็นวิธีการเดินสายไฟที่ใช้ฝังเข้าไปในผนังเลย จึงทำให้เมื่อทำการเดินสายเรียบร้อยแล้วจะดูเรียบร้อยสวยงาม ไม่มีสายไฟให้เห็น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผนังเบาและผนังอิฐ โดยจะทำการเดินสายไฟภายในท่อที่จะติดตั้งในช่องที่ได้เจาะผนังที่ได้เตรียมไว้
ข้อดีของการเดินสายไฟแบบฝังผนัง
- ดูเรียบร้อยสวยงาม ไม่เห็นสายไฟ
- ประหยัดพื้นที่ ไม่มีบล็อคลอยออกมาจากกำแพง
- สายไฟที่ติดตั้งภายในผนังจะมีความทนทานสูงกว่า เพราะไม่ต้องพบเจอกับสภาพอากาศภายนอก
- มีความปลอดภัยต่อไฟฟ้าลัดวงจรมากกว่า
ข้อจำกัดของการเดินสายไฟแบบฝังผนัง
- ขั้นตอนการติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก
- จำเป็นต้องใช้ช่างที่ชำนาญในการติดตั้ง
- หากเกิดชำรุดภายในจุดที่มองไม่เห็น การซ่อมแซมภายหลังจะทำได้ค่อนข้างยุ่งยาก
2. การเดินสายไฟแบบเดินลอย
เป็นการเดินสายไฟอีกแบบหนึ่งที่ใช้ในปัจจุบัน โดยจะเดินสายไฟด้านนอกผนังโดยจะใช้ตัวจับหรือยึดสายไฟกับผนัง เช่นแบบตีกิ๊บ ครอบด้วยราง หรือเดินลอยโดยใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ท่อร้อยสายไฟ ซึ่งท่อตัวนี้จะมีทั้งในแบบโลหะ และพลาสติก โดยการเดินสายไฟในท่อไม่ควรเดินให้หนาแน่นเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
ข้อดีของการเดินสายไฟแบบเดินลอย
- ใช้เวลาและงบประมาณในการติดตั้งน้อยกว่า
- สามารถปรับปรุงซ่อมแซมภายหลังได้ง่ายกว่า โดยที่ไม่ต้องรื้อผนัง
- การเดินสายไฟภายในท่อจะช่วยปกป้องสายไฟได้ดีทำให้ใช้งานได้นาน
ข้อจำกัดของการเดินสายไฟแบบเดินลอย
- ต้องใช้ความปราณีตในการติดตั้ง เพื่อความสวยงาม ทั้งในแบบ ติดกิ๊บ และแบบท่อ
- สวิตช์ ที่ติดตั้งต้องติดลอยออกมาจากผนัง อาจจะต้องวางแผนการจัดวางเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น
- อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับอุปกรณ์ เช่น สีสำหรับทาท่อร้อยสายไฟ เพื่อให้กลมกลืนกับสีผนัง
- หากมีสายไฟจำนวนมาก จะจำเป็นต้องใช้สายไฟเป็นจำนวนมาก ทำให้ดูรกไม่สวยงาม
ที่มา : scghome.com