วิกฤตโควิด-19 ที่นำพามาซึ่งยุคข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ เงินทองที่ต้องนำมาหมุนใช้นู่นจ่ายนี่แบบเดือนชนเดือน ส่งผลต่อระบบการใช้ชีวิตที่แปรปรวนไปเสียหมด จะหยิบจับจ่ายใช้สอยแต่ละทีคิดแล้วคิดอีก ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเติมน้ำมัน ความคุ้มค่าของการเติมน้ำมันขึ้นอยู่กับเม็ดเงินในกระเป๋าในช่วงเวลาที่น้ำมันหมด มีมากเติมมาก มีน้อยเติมน้อย แต่รู้หรือไม่ว่าปริมาณน้ำมันในถังนั้นส่งผลต่อเจ้าของรถและตัวรถในหลาย ๆ ปัจจัย เติมดี เติมถูกต้องเหมาะสม จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ช่วยรักษาสภาพรถ แถมยังช่วยประหยัดน้ำมัน มีเงินเหลือเก็บไปซื้อประกันรถยนต์เพิ่มความคุ้มครองได้อีกด้วย ส่วนจะต้องเติมเท่าไหร่บ้างนั้น ตามไปดูกันเลย

เติมครึ่งถังหรือน้อยกว่า

การเติมครึ่งถึงหรือน้อยกว่าครึ่งถังอยู่เป็นประจำนั้น เป็นการเติมน้ำมันที่สิ้นเปลืองที่สุด ไม่คุ้มค่า และไม่ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญยังส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ น้ำมันที่มีในถังอยู่น้อยจะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักขึ้น เพราะต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อสูบน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการมีน้ำมันในถังเหลือน้อยทำให้ไม่มีน้ำมันมาช่วยระบายความร้อน และช่วยหล่อลื่น ปั๊มติ๊กจึงเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

ไม่เพียงเท่านั้น หากรถของคุณถูกใช้งานแบบมีน้ำมันก้นถังอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ลูกลอยวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อไปยังเกจ์วัดน้ำมันบอกระดับน้ำมันได้ไม่เที่ยงตรง ยิ่งเมื่อขับขี่บนถนนที่ขรุขระ หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง จะยิ่งเร่งให้กลไกการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้เสียหาย หลุดร่วงจนต้องเสียเงินก้อนโตเพื่อซ่อมแซม ความเสียหายที่ไม่ครอบคลุมความคุ้มครองของ

 

 

การเติมครึ่งถึงหรือน้อยกว่าครึ่งถังอยู่เป็นประจำนั้น เป็นการเติมน้ำมันที่สิ้นเปลืองที่สุด ไม่คุ้มค่า และไม่ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญยังส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ น้ำมันที่มีในถังอยู่น้อยจะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักขึ้น เพราะต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อสูบน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการมีน้ำมันในถังเหลือน้อยทำให้ไม่มีน้ำมันมาช่วยระบายความร้อน และช่วยหล่อลื่น ปั๊มติ๊กจึงเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

ไม่เพียงเท่านั้น หากรถของคุณถูกใช้งานแบบมีน้ำมันก้นถังอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ลูกลอยวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อไปยังเกจ์วัดน้ำมันบอกระดับน้ำมันได้ไม่เที่ยงตรง ยิ่งเมื่อขับขี่บนถนนที่ขรุขระ หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง จะยิ่งเร่งให้กลไกการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้เสียหาย หลุดร่วงจนต้องเสียเงินก้อนโตเพื่อซ่อมแซม ความเสียหายที่ไม่ครอบคลุมความคุ้มครองของประกันรถยนต์

เติมเต็มถังหรือล้นถัง

อะไรที่น้อยไปก็ไม่ได้ มากไปก็ไม่ดีเช่นกัน การเติมน้ำมันที่เอ่อล้น เต็มถังอยู่ตลอดเวลา ไอระเหยของน้ำมันจะเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับระบบเครื่องยนต์ หรือหากเติมจนล้น ทำให้เวลาขับขี่น้ำมันกระฉอกออกมาด้านนอก เปื้อนสีรถจนเป็นรอยด่างดำ ที่สำคัญหากบริเวณที่น้ำมันเปื้อนไปสัมผัสกับกระกายไฟอาจก่อให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ รถคันโปรดของคุณเกิดไฟไหม้ ประกันรถยนต์ที่ซื้อความคุ้มครองไว้เป็นอันต้องเรียกมาใช้บริการก็คราวนี้เอง

เติมน้ำมัน 3 ใน 4 ส่วน คือ ปริมาณที่เหมาะสมที่สุด

ในเมื่อครึ่งถังก็ไม่ดี เต็มถังก็ยังไม่ดีอีก แล้วต้องเติมเท่าไหร่ถึงจะดี คุ้มค่า และช่วยถนอมเครื่องยนต์กันแน่ คำตอบของปัญหานี้มาจบที่การเติมน้ำมันค่อนถัง หรือเกือบเต็มถัง หรือเติม 3 ใน 4 ส่วนของถังนั่นเอง และถ้าจะให้ดีทุกครั้งที่จะเติมควรรอให้น้ำมันเหลือประมาณ 1 ใน 4 ส่วนของปริมาณถัง เพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ถนอมเครื่องยนต์ รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของรถคู่ใจของคุณให้ยาวนาน และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเหมือนใหม่

มาถึงตรงนี้ทุกคนคงเข้าใจตรงกันแล้วว่า ต้องเติมน้ำมันเท่าไหร่จึงจะดีกับรถของคุณเอง ทั้งนี้ผู้ใช้รถทุกคนต้องไม่ละเลยการตรวจเช็กน้ำมันก่อนขับขี่อยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รถน้ำมันหมดดับระหว่างทาง หรือดับกลางอากาศขณะขับขี่ ซึ่งสร้างความอันตรายให้กับผู้ขับขี่อยู่ไม่น้อย จนเป็นเหตุให้ต้องเรียกเคลมประกันรถยนต์ของคุณ หรืออาจจะอันตรายถึงชีวิตในกรณีที่เครื่องยนต์ดับจนไม่สามารถควบคุมรถได้ และทั้งหมดนี้คือเกร็ดความรู้ดี ๆ ที่ผู้เขียนอยากจะมอบให้กับผู้อ่านทุกท่าน

เครดิต /// https://randevunc.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD/

 

 

320