ข้อควรรู้ในการเลือกกระเบื้อง (home & decor)
เรื่อง: ณฤต เลิศอุตสาหกูล
การเลือกกระเบื้องไม่ได้ดูแค่ลายสวยถูกใจเท่านั้น คุณสมบัติ ประเภท และข้อมูลต่าง ๆ ที่ระบุ ก็ไม่ควรมองข้ามไป เริ่มตามลำดับดังนี้
1. เลือกตามประเภทของกระเบื้องให้เหมาะสม
กระเบื้องทั่วไปแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามชนิดและรูปแบบ
เซรามิก (Ceramic) เป็นกระเบื้องที่ผ่านการเผา 1 หรือ 2 ครั้ง ตามลักษณะการใช้งาน และเคลือบผิวทำลวดลายเป็นกระเบื้องที่มีขนาดหลากหลายและมีโทนสีสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากที่สุด
โมเสก (Mosaic) เป็นกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ มาติดบนแผ่นตาข่ายรอง เหมาะกับไปติดบนพื้นที่มีขนาดเล็กและโค้งมน หรือสระว่ายน้ำ
ดินเผา (Earthenware) เป็นงานเผาด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ มีทั้งแบบเคลือบเงาและไม่เคลือบเงาเหมาะกับงานตกแต่งสไตล์ธรรมชาติ รีสอร์ท สปา
แก้ว (Glass Mosaic) เป็นกระเบื้องที่ทำจากชิ้นงานแก้วมาขึ้นรูป ภายในตกแต่งด้วย ลวดลายพิมพ์ หรือตกแต่งสีสันลวดลายภายใน ทำให้ลวดลายภายในอยู่ทนทานกว่าลายพิมพ์บนพื้นผิวหน้าอย่างกระเบื้องประเภทอื่น ๆ
2. เลือกตามลักษณะของพื้นที่ติดตั้ง ซึ่งแบ่งเป็น
Floor Tile เหมาะสำหรับปูพื้นเพราะแข็งแรง และรับน้ำหนักได้มากเป็นพิเศษ
3. เลือกตามขนาดของแผ่น
โดยขนาด ความกว้าง X ยาว ของกระเบื้องที่ระบุนั้น เป็นทั้งหน่วยนิ้ว และเซนติเมตร ถ้าละเอียดก็วัดกันเป็นมิลลิเมตรเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละบริษัทที่จำหน่ายนั้นมีแบบและขนาดที่ต่างกัน จึงควรสังเกตให้ดี หากต้องการปูสลับสีและลายในห้องเดียว ต้องดูให้แผ่นมีขนาดเท่ากันเพื่อรอยต่อที่สวยงาม โดยสามารถแบ่งตามลักษณะการติดตั้ง ดังนี้
กลุ่ม Floor Tile ขนาดที่นิยมผลิต 8×8 นิ้ว, 12×12 นิ้ว, 13×13 นิ้ว, 16×16 นิ้ว, 24×24 นิ้ว
4. เลือกตามเกรดของสินค้า
แบ่งกันตามความผิดพลาดในการผลิตของขนาด ความหนา พื้นผิว น้ำหนัก การดูดซึมน้ำ สีสัน และลวดลาย ซึ่งแบ่งออกได้เป็น เกรด A หรือ Premium, เกรด B หรือ Commercial และเกรด C ตรงนี้มีผลกับความสวยงาม และราคาจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรตัดสินใจเพราะช่วยประหยัดงบได้
5. เลือกประกอบจากข้อมูลข้างกล่อง
นอกจากเลือกตามคุณสมบัติต่าง ๆ แล้ว ยังมีข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นของกระเบื้องระบุไว้อยู่ข้างกล่อง ให้สังเกตด้วยเพราะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อเช่นกัน คือ
PCS. คือจำนวนแผ่นที่บรรจุต่อกล่อง
6. การเลือกสี
ไม่เพียงแต่เลือกสีของกระเบื้องในรุ่นนั้น ๆ ให้ถูกใจแล้ว ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของกระเบื้องด้วยว่าการผลิตกระเบื้องแต่ละครั้งต้องผ่านขั้นตอนการเผา ซึ่งจะทำให้ได้สีที่ต่างกันบ้าง ดังนั้นหากต้องการให้สีที่เท่ากันทุกแผ่น แนะนำให้ซื้อที่ผลิตในล็อตเดียวกัน
7. สังเกตค่าการดูดซึมน้ำของกระเบื้อง
เพราะกระเบื้องแต่ละชนิดต่างกันจึงควรเลือกให้เหมาะสม โดยเช็กที่ข้างกล่องหรือสอบถามกับทางร้านค้า รวมไปถึงค่าการดูดซึมน้ำซึ่งมีผลต่อสภาพความชื้นที่จะเป็นปัญหาเรื่องการหลุดล่อนและความคงทนของกระเบื้องต่อไป โดยค่ามาตรฐานในท้องตลาด มีดังนี้
0% ไม่มีการดูดซึมน้ำจึงไม่มีปัญหาเรื่องความชื้น พบกับกระเบื้องประเภทโมเสกแก้ว
Tips
อย่าลืมจด Product Name รุ่นสินค้า ปีผลิต หรือเก็บรหัสที่ข้างกล่องไว้ด้วย เผื่อกระเบื้องที่ปูไปแล้วเสียหายหรือปูไม่พอ จะสามารถหาซื้อใหม่ได้ และเทียบเฉดสีและล็อตในการผลิตให้ได้เฉดสีที่ตรงกัน เพราะอย่าลืมว่าการเผากระเบื้องในแต่ละเตา จะมีค่าความต่างของเฉดคลาดเคลื่อนอยู่บ้างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหากเทียบล็อตการผลิตให้ใกล้เคียงที่สุดก็อุ่นใจว่าสีไม่เพี้ยนมาก
ราคา ส่วนใหญ่กระเบื้องจะระบุราคาต่อ 1 กล่อง ซึ่งปกติปูได้ 1 ตารางเมตร แต่กระเบื้องพิเศษบางชนิด โดยเฉพาะงานนำเข้าจะขายแยกเป็นแผ่น
ถ้าสงสัยว่าจะต้องใช้กระเบื้องกี่กล่อง เอาสูตรนี้ไปใช้ได้เลย
จำนวนกล่อง = กว้าง x ยาว ของพื้นที่ที่จะปู (เมตร)
จำนวนพื้นที่ที่ปูได้ต่อ 1 กล่อง (ตารางเมตร)
หมายเหตุ การซื้อกระเบื้องสำหรับปูลายแบบขนาน ควรซื้อเผื่อการตัดขอบประมาณ 3-5 % ส่วนการปูแบบทแยง ควรเผื่อประมาณ 7-10%
เครดิต /// https://home.kapook.com/view67545.html