ท่ามกลางองศาทางการเมือง และอากาศที่ร้อนระอุ อาจทำให้ใครหลายคนเกิดอาการหงุดหงิดใจแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันไม่มีความสุข วันนี้จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนที่ไม่รู้จะดับร้อนในใจกันอย่างไรดี ได้หันมาพึ่งเย็น ด้วยการร่วมฟังการเสวนาธรรมกับ พรอาจารย์สมพงษ์ รตนวโส และ พระครูวินัยธรชาติ กิตติธโร ในกิจกรรมเสวนาธรรม “กรุณาแห่งหัวใจ มอบธรรมให้เป็นทาน” หัวข้อ “เริ่มต้นวันใหม่กับเคล็ดลับสร้างความสุข” ที่ดับเบิ้ลเอ บุ๊ค ทาวเวอร์ จัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้

พระอาจารย์สมพงษ์และพระครูวินัยธรชาติกล่าวว่า คนที่มีความสุขไม่ได้ หมายความว่าเป็นคนไม่มีปัญหา แต่คนมีความสุข คือคนที่สามารถจัดการปัญหาของตนเองได้ โดยวิธีแสวงหาความสุขอาจจะต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกันคือ “ทุกคนอยากมีความสุข” ดังนั้น ในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิต ทุกคนควรตื่นมาพร้อมกับความสุขด้วยวิธีง่ายๆที่เริ่มจากตัวเองคือ คิดดี พูดดี ทำดี ขาก้าวออกไปเพื่อทำความดี เพราะการทำความดี ทำให้เกิดความสุข และเมื่อความสุขเริ่มต้นจากใจเรา ความสุขก็จะแพร่ไปสู่ครอบครัว เมื่อครอบครัวมีความสุข สังคมรอบข้างเราก็จะมีความสุข ดังคำกลอนที่ว่า “ความร่าเริง บันเทิงใจ เป็นกำไรชีวิต วันไหนหงุดหงิด ชีวิตขาดทุน” ซึ่งเวลาชีวิตของคนเรามีน้อย ต้องใช้สอยอย่างมีคุณค่า ถ้า 1 ปีเท่ากับ 1 วัน เราเองก็มีอายุอีกไม่กี่วันก็ตาย ฉะนั้นเวลาที่เหลือเราควรทำความดี และทำชีวิตของเราให้มีความสุข และสิ่งสำคัญที่จะอยู่ควบคู่กับความสุขคือการให้ โดยเฉพาะการให้อภัย หากคนเรารู้จักให้อภัย รู้จักปล่อยวาง ไม่เก็บทุกอย่างมาเป็นอารมณ์เพื่อบั่นทอนจิตใจตัวเอง ก็จะทำให้จิตใจของเราสงบ และการรู้จักเป็นผู้ให้นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่สำคัญของชีวิต เพราะผู้ให้จะเป็นคนที่มีเกียรติกว่าผู้รับเสมอ

พระอาจารย์ทั้งสองยังได้กล่าวถึงปริศนาธรรมง่ายๆ และให้ข้อคิดที่เข้าใจง่ายด้วยว่า “เด็กเวลาเกิดมาใหม่จะกำมือ เป็นสัญลักษณ์ของการอยากได้อยากจะกอบโกยทั้งความรัก การดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่พอตายไป ตอนรดน้ำศพก็แบมือ โดยไม่สามารถเอาอะไรไปได้ จะมีก็แต่ ความดีที่จะอยู่ติดตัวเราไป ดังนั้น ในระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่  เราก็ต้องหมั่นทำความดี  ทำจิตใจให้ดี  คิดดี  พูดดี ทำดี   แล้วเราก็พบความสุขที่หาได้ง่ายๆจากใจของเราเอง เพราะสุดท้ายเราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย”.